GAP
GAP ย่อมาจากคำว่า “Good Agricultural Practice” ซึ่งแปลว่าเกษตรดีที่เหมาะสม เป็นระบบที่สร้างผลผลิตตรงตาม
มาตรฐานคุณภาพหรือได้คุณภาพตามที่ตลาดต้องการ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้อง ตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว
การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ และการขนส่งเพื่อจำหน่าย ไม่มีปัญหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชหรือเชื้อโรคต่างๆ ตกค้าง จึงปลอดภัยในการปฏิบัติงานและได้ผลผลิตที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค สามารถตรวจสอบและสอบทวนได้
การเข้าสู่ระบบ GAP
เกษตรกรที่ประสงค์จะเข้าสู่ระบบ GAP ต้องยื่นคำร้องตามแบบ GAP-01 ซึ่งจะมีการตรวจประเมินระบบการจัดการคุณภาพการ
ปฏิบัติงานโดย “ผู้ตรวจรับรอง” ที่ได้รับมอบหมายจากกรมวิชาการเกษตร สิ่งที่กำหนดให้ประเมินคือ แหล่งน้ำ พื้นที่ปลูก
การใช้วัสดุอันตรายทางการเกษตร การเก็บรักษาและการขนย้ายผลิตผลภายในแปลง การบันทึกข้อมูล การผลิตให้ปลอดจากศัตรูพืช การจัดการกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตผลคุณภาพ การเก็บเกี่ยว และการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
เทคโนโลยีการผลิต
กรมวิชาการเกษตรได้ให้คำแนะนำเทคโนโลยีการผลิตพืช 2 รูปแบบ คือ
1. | เอกสาร เช่น ข้าวโพดหวาน |
2. | เว็บไซต์ของกรมวิชาการเกษตร http://www.doa.go.th โดยเลือกเรื่อง "ข้อมูลการเกษตร" ภายใต้เรื่องนี้ให้เลือก "ข้อมูลพืช GAP" ซึ่งมีคำแนะนำ 24 พืช |
คำแนะนำที่พบไนเว็บไซต์ของกรมวิชาการเกษตร
1. | ไม้ผลยืนต้น 5 ชนิด คือ ทุเรียน ลำไย ส้มโอ มะม่วง และส้มเขียวหวาน |
2. | ผัก 12 ชนิด คือ ผักกวางตุ้ง มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง ผักคะน้า หอมหัวใหญ่ กะหล่ำปลี พริก ถั่วฝักยาว
ถั่วลันเตา ผักกาดขาวปลี ข้าวโพดฝักอ่อน และหอมหัวแดง |
3. | ไม้ดอก 3 ชนิด คือ กล้วยไม้ กล้วยไม้ตัดดอก และปทุมมา |
4. | พืชอื่นๆ 4 ชนิด คือ สับปะรด กาแฟโรบัสตา มันสำปะหลัง และยางพารา |
หัวข้อที่แนะนำในการปฏิบัติ
1. | แหล่งปลูก อธิบายสภาพพื้นที่ ลักษณะดิน สภาพภูมิอากาศ และแหล่งน้ำที่เหมาะกับพืช |
2. | พันธุ์ ว่าด้วยการเลือกพันธุ์และแนะนำพันธุ์ที่นิยมปลูก |
3. | การปลูก เริ่มจากฤดูปลูกสำหรับพืชนั้น การเตรียมดิน และวิธีการปลูก |
4. | การดูแลรักษา แนะนำวิธีการให้ปุ๋ย การให้น้ำ และการอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ |
5. | สุขลักษณะและความสะอาด ว่าด้วยการเก็บและทำความสะอาดอุปกรณ์และภาชนะ การเก็บสาร
ป้องกันกำจัดศัตรูพืช และปุ๋ยเคมีไว้ในที่ปลอดภัย การเก็บและทำลายวัชพืชตลอดจนพืชที่ป็นโรค |
6. | ศัตรูพืช และวิธีป้องกันกำจัด |
7. | คำแนะนำการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและเหมาะสม |
8. | การเก็บเกี่ยว ว่าด้วยระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม และวิธีการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง |
9. | วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว ได้แก่ การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว และการขนส่ง |
การบันทึกข้อมูล
เกษตรกรควรบันทึกการปฏิบัติงานในขั้นตอนการผลิตทุกระยะ เพื่อให้ตรวจสอบได้หากเกิดข้อบกพร่องขึ้น และสามารถแก้ไขหรือปรับปรุงได้ทันท่วงที ได้แก่
1. | สภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้นและปริมาณน้ำฝน |
2. | พันธุ์ วันที่ปลูก และระยะการเจริญเติบโตที่สำคัญ เช่น วันออกดอก และวันติดผล |
3. | วันที่ให้น้ำ ให้ปุ๋ย ชนิด และอัตราปุ๋ย |
4. | วันที่ศัตรูพืชระบาด ชนิด และปริมาณศัตรูพืช |
5. | วันที่พ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ชนิดและอัตราการใช้สาร |
6. | วันเก็บเกี่ยว ค่าใช้จ่าย ปริมาณ คุณภาพ ราคาผลผลิต และรายได้ |
7. | ปัญหาและอุปสรรคตลอดฤดูปลูก การเก็บเกี่ยว และการขนส่ง เมื่อผ่านการตรวจสอบจะได้ใบรับรองแหล่งผลิตพืช(GAP) จากกรมวิชาการเกษตร |
ความเสี่ยงในกระบวนการผลิต
ความเสี่ยงในระบบการผลิต มี 4 ประการ คือ
1. | การปนเปื้อนของสารเคมีต้องห้ามและสารเคมีควบคุมศัตรูพืช |
2. | การปนเปื้อนของเชื้อโรคคน |
3. | การปนเปื้อนของธาตุโลหะหนักจากดิน น้ำ สารคลุกเมล็ด ฯลฯ |
4. | การปนเปื้อนระหว่างการเก็บเกี่ยว และการจัดการผลผลิต เกษตรกรจึงควรตรวจสอบแหล่งกำเนิดของการปนเปื้อนทั้ง 4 ประการข้างต้น และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว |